ที่ผ่านมาเราได้ยินคำว่า Digital Disruption หรือ Disruptive Technology อยู่บ่อยครั้ง

มันก็คือการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ โดยมักจะถูกโยงเข้าสู่เรื่องของเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คำว่า Disrupt แปลตรงตัวก็คือ “การหยุดชะงัก” ซึ่งมักถูกใช้ในเชิงความหมายว่า “ปฏิรูป” นั่นเองครับ

Digital Disruption หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาจนถึงจุดที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้น ซึ่งครอบคลุมไปถึง ผลิตภัณฑ์ แพลตฟอร์ม และโมเดลธุรกิจแบบใหม่ ซึ่งส่งผลกระทบกับมูลค่าของสินค้าและบริการที่มีอยู่แล้วในตลาด ยกตัวอย่างเช่น สมาร์ทโฟน ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นในการทำงานและการใช้งานส่วนตัว

ที่มา: https://www.posttoday.com/economy/columnist/602086

แม้ว่าเทคโนโลยีจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงเราได้รวดเร็วขึ้นตามลำดับ ดังที่หลายๆคนคาดการณ์ไว้ แต่ ณ ตอนนี้้ Covid19 ได้เข้ามากลายเป็นตัวเร่งความเร็วของการปฏิรูปเทคโนโลยีดังกล่าวให้เร็วขึ้นหลายเท่ากันเลยทีเดียว เราได้เห็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้หลายอย่างมาก เช่น เน้นการทำงานแบบ WFH มากขึ้น มีแอปฯที่จำเป็นต่อชีวิตมากขึ้น สั่งของออนไลน์มากขึ้น เป็นต้น

จากนี้ไปหลังการโควิดสิ้นสุดลง โลกเรารวมทั้งประเทศไทย ก็จะได้รับผลกระทบอยู่หลายอย่างเลยทีเดียว เพราะพฤติกรรมมนุษย์อาจจะต้องถูกปรับไป การพูดคุยกันก็จะเน้นออนไลน์มากขึ้น การเดินห้างจำนวนผู้คนอาจจะน้อยลง ผู้คนจะรักชีวิตมากขึ้น หลายธุรกิจอาจจะต้องถึงล้มละลายไป คนจะตกงานมากขึ้น

โดยเฉพาะเรื่องการตกงานนั้น จากการใช้ Work from Home (WFH) ของหลาย ๆ บริษัท ทำให้บริษัทเหล่านั้นเห็นภาพรวมของปริมาณพนักงานที่จำเป็นมากขึ้น คนที่เก่ง ที่บริษัทต้องการเท่านั้นถึงจะอยู่ต่อได้ บริษัทจะลดขนาดออฟฟิศลง ลดพนักงานลง และเน้นการทำงานออนไลน์มากขึ้น มันจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่คนจะตกงาน ธุรกิจท่องเที่ยว สายการบิน โรงแรมก็อาจจะใช้เวลาปรับตัวนานหน่อยหลังโควิดสิ้นสุดลง ซึ่งบางผู้ประกอบการอาจจะต้องล้มละลายกันเลยทีเดียว ส่วนทางด้านการศึกษาหรือธุรกิจทาวการศึกษา ก็อาจจะต้องมีความจริงจังในการเรียนออนไลน์มากกว่าที่เป็นมาอย่างแน่นอน เราจะได้เห็นความหลากหลายรูปแบบของการเรียนออนไลน์มากขึ้น

ทั้งหมดเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ต่อไปนี้ก็ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังนะครับ

 

By admin